ถ้าคุณมองหาส่วนผสมของความดิบเขียวของธรรมชาติ ป่าเขา ระเบียงนาข้าวขั้นบันได ภูเขาไฟ น้ำตก สถาปัตยกรรมที่มีมนต์ขลัง ศิลปวัฒนธรรมอันเปี่ยมเสน่ห์ โดยมีคลื่นลมทะเลห่อหุ้มบรรยากาศแบบหมู่เกาะ ดูลึกลับ ผ่อนคลาย และโรแมนติกยิ่งขึ้น สถานที่แห่งนั้นคือ “บาหลี” ( Bali )
บาหลีเป็น 1 ใน 31 จังหวัดประเทศอินโดนีเซีย มีขนาดใหญ่กว่าจังหวัดภูเก็ตประมาณ 10 เท่า กินพื้นที่ราว 5,780 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะชวา และทางตะวันตกของเกาะลอมบอก จังหวัดบาหลียังรวมเกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง
โดยมีเมืองหลักชื่อเด็นปาซาร์ ประชากรบาหลีราว 4 ล้าน 2 แสนกว่าคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู จึงไม่น่าแปลกใจที่เราได้เห็นสถาปัตยกรรมบาหลีส่วนใหญ่จะมีบางมุมละม้ายคล้ายกับวัดอินเดียผสมเนปาล แต่อ่อนโยนกว่าด้วยด้วยการใช้วัสดุในท้องถิ่น และสะท้อนความศรัทธาได้อย่างนุ่มนวลด้วยฝีมือช่างพื้นเมืองที่เติบโตมากับธรรมชาติ
แม้เหตุการณ์ระเบิดในย่านคูตา เมื่อปี พ.ศ.2545 ที่ทำให้บาหลีซบเซาไปพักใหญ่ 10 กว่าปีผ่านไปบาหลีค่อย ๆ กลับมาพร้อมกับความสดใสยิ่งกว่าเดิม และมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาตอบรับความต้องการของหนุ่มสาวที่มองหาทางเลือกอื่น
นอกเหนือไปจากหาดคูตา หาดจิมบารัน อูบุด เซมินยัก และหนึ่งในจุดหมายที่น่าสนใจและควรรีบไปเที่ยวก่อนจะฮิตมากไปกว่านี้คือ ชางกู (Canggu) เหมาะกับหนุ่มสาวแนวรักษ์โลก รักสุขภาพ หลงใหลชีวิตสโลว์ไลฟ์ รักสายลม แสงแดด กระดานโต้คลื่น
สถานที่รวมตัวของเหล่าฮิปปี้ยุคใหม่
“ชางกู” เปรียบได้กับสถานที่รวมตัวของเหล่าฮิปปี้ยุคใหม่ เป็นที่พักและออฟฟิสที่ถูกใจของกลุ่มดิจิตอลโนแมด ด้วยความที่ชางกูเคยเป็นหมูบ้านชาวประมงเล็ก ๆ อยู่ระหว่างเซมินยักกับทานาล็อต จึงยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก เหตุที่ชางกูค่อยๆ ก้าวขึ้นมาในความสนใจเนื่องจากเป็นแนวคลื่นลมดี เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการเล่นกีฬาเซิร์ฟบอร์ด
ชางกูมีชายหาดทรายดำหลายหาดตั้งแต่ หาดเบราวา (Berawa Beach) บาตูโบลอง (Batu Bolong) หาดบาตูเมจัน (Batu Mejan) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือหาดเอ็คโค่ (Echo Beach) และหาดเล็ก ๆ อีก 2-3 หาดซึ่งสงบและคนน้อย
นาข้าวเขียวขจี
นอกจากหาดทรายชายทะเลที่มีคลื่นลมดีแล้ว ยังมีนาข้าวเขียวขจีซึ่งชาวตะวันตกโหยหา ส่วนผสมเหล่านี้ได้ย่อส่วนความเป็น “บาหลี” ในฝันครบเกือบทุกองศา มาไว้ในจุดหมายขนาดกระทัดรัด ที่อยู่ห่างจากสนามบินเด็นปาซาร์ประมาณ 45 นาที การเดินทางไปถึงก็ง่ายดาย
ในกรณีที่คุณไม่ได้เช่ารถ หรือเช่ารถพร้อมคนขับ เมื่อออกจากสนามบินแล้วคุณอาจจะเปลี่ยนมาใช้ซิมโทรศัพท์ของอินโดนีเซีย เพื่อใช้บริการ Grab Taxi หรือ Uber แต่แน่นอนว่าคุณจะไม่ได้เห็นแท็กซี่เหลืองเขียวเด่นมาแต่ไกล ๆ เพราะชาวอินโดต่อต้านระบบ Grab กับ Uber หรือจะเรียกแท็กซี่จากเคาน์เตอร์ที่สนามบินก็ตกประมาณ 500-550 บาท
ก่อนจะเริงร่ากับบรรยากาศชายหาดใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์ ที่พักคือปัจจัยของการรีแล็กซ์ ชางกูกลายเป็นจุดหมายที่รวมไว้ตั้งแต่เกสต์เฮ้าส์ไม่กี่ร้อยบาท ไปจนถึงวิลลาหรูมีระดับ “Ametis Villa” คือวิลลาระดับ 5 ดาว ที่คุณเพียงก้าวออกจากห้องนอน ก็กระโดดลงไปในสระว่ายน้ำส่วนตัวซึ่งอยู่กลางวิลลาทุกหลังได้อย่างแทบจะไม่มีเส้นแบ่งอาณาเขต
ความรู้สึกเป็นส่วนตัวถูกโอบล้อมไว้ด้วยกำแพงเขียวของพุ่มพฤกษ์และเส้นสายการออกแบบที่ดึงเอาเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมแบบอินโดนีเซียมาออกแบบเป็นหลังคายาว คลุมพื้นที่ให้ร่มรื่นจากไอแดด ทั้งเปิดให้ลมพัดผ่านสบายผิว
ที่พักในราคาย่อมเยา
หากเป็นที่พักในระดับย่อมเยาลงมา ไม่เกินคืนละ 3,000 บาท “Kalapa Resort and Spa” นับว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์อารมณ์พักผ่อนในบาหลีได้อย่างมีเสน่ห์ ด้วยรีสอร์ทที่มีเพียง 11 ห้องพัก ประกอบด้วย บังกะโล วิลลา และไพรเวท พูล วิลลา ซึ่งคำว่าบังกะโลที่ว่านี้ก็แสนจะดูเก๋ไม่ซ้ำแบบกัน ทุกห้อง ทุกหลังตกแต่งได้อย่างแตกต่าง มอบบรรยากาศเป็นส่วนตัว อบอุ่น และผ่อนคลาย
ตกแต่งด้วยไม้ที่ให้สัมผัสของธรรมชาติในกลิ่นอายบาหลี เสมือนพาเราหลบความเจริญมาอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งมีนาข้าวและแม่น้ำไหลผ่าน
แต่ถ้าชอบความสะดวกสบายริมหาด Aston Canggu Beach Resort ตั้งอยู่ในย่านยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ห่างจากหาด Echo Beach เพียง 700 เมตร ที่นี่ให้บริการแบบโรงแรมมาตรฐาน สะอาด สบาย ทันสมัย คุณจะพักผ่อนกับการว่ายน้ำในสระ หรือผ่อนคลายบนลานระเบียงอาบแดด รับประทานอาหารที่ห้องอาหาร หรือจิบเครื่องดื่มค็อกเทลที่บาร์พร้อมทอดสายตาไปยังทะเลไกล ๆ จะว่าไปแล้วที่ชางกูยังมีที่พักให้เลือกอีกมากมาย ที่ตอบโจทย์ตามใจในทุกระดับราคา
เช็คอินเรียบร้อยก็ได้เวลาพาผิวไปสัมผัสไอแดด หากใครที่ชอบความตื่นเต้นของคลื่นลมควรลองประสบการณ์เล่นเซิร์ฟบอร์ดสักครั้ง ที่หาดเอ็คโค่ หรือชื่อในท้องถิ่นคือ “บาตู เมจัน” (Batu Mejan) คือจุดหมายของนักเซิร์ฟที่ติดอันดับโลก ริมหาดจึงเรียงรายไปด้วยโรงเรียนสอนเซิร์ฟบอร์ด ที่มีสีสันไปด้วยบอร์ดที่รายเรียง บริการให้เช่าอุปกรณ์และสอนนักเซิร์ฟหน้าใหม่
จงสลัดความเขินอายหยิบบิกีนี่ตัวสวยมาใส่โชว์หุ่น ควงคู่ชายหนุ่มอกยกแผงที่มาด้วย หรือถ้ามาเที่ยวแบบเกิร์ลกรุ๊ป นี่คือจังหวะของการใช้ชีวิตอย่างอิสระ อย่ายอมให้น้อยหน้าเพื่อนเป็นเด็ดขาด
ถ้าคุณยังอยากเป็นแค่ผู้ชมมากกว่าผู้เล่น แนะนำไปนั่งเล่นชิลล์ ๆ ที่ La Brisa Beach Club ที่ถูกใจนักท่องเที่ยวแนวฮิปแบบรักษ์โลก ด้วยการนำไม้มาตกแต่งให้เป็นเหมือนบาร์โจรสลัดเก๋ ๆ มีทั้งเปล ทั้งหมอนลูกใหญ่ ๆ สระว่ายน้ำ เก้าอี้ชายหาด ให้วาดลวดลาย นั่งเล่น นั่งคุย นั่งดริ๊งก์ นั่งอัพอินสตาแกรม พร้อมชมวิวทิวทัศน์ริมหาด ในบรรยากาศละลานตาไปด้วยหนุ่มสาววัยสะเทิ้นแดด สะเทิ้นลม แนะนำว่าให้เตรียมคอสตูมมาให้ดี
ณ จุดนี้ อย่าทำเป็นเหนียมอาย ครีมกันแดดต้องทา สำหรับสาว ๆ ครีมทาผิวหน้าที่ทำให้ผิวหน้าดูวาวใส โกลว์วิ้ง ๆ สดใสแบบคนสุขภาพดี จะทำให้คุณดูดีเพราะที่นี่แสงสวย
สำหรับคนรักสุขภาพ ชางกูเป็นแหล่งพักผ่อนวันหยุดที่คุณจะไม่ผิดหวัง นอกจากคลื่นลมทะเลฟรีที่มีให้คุณเล่นเซิร์ฟบอร์ดแล้ว ยังมี Finns Recreation Club” ที่ได้ชื่อว่าเป็น Sport & Recreation Center ระดับเวิลด์คลาส ประกอบด้วยโซนต่าง ๆ ตั้งแต่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สนามเทนนิส และคลาสออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณ เป็นทั้งคอมมิวนิตี้ และ co-working space
แต่ถ้ามองหาสตูดิโอโยคะ ที่สวยสบายตาในลีลาการตกแต่ง “The Practice” เป็นหนึ่งในสถานที่ขึ้นชื่อ ที่ออกแบบสำหรับผู้ฝึกหัดเป็นรายครั้ง ไปจนถึงผู้ฝึกฝนเป็นครูสอนโยคะ ในบรรยากาศที่ออกแบบมาเพื่อการเดินปราณาคล่องแคล่ว โดยมีศาลาไม้ไผ่หลังใหญ่ที่จุผู้เรียนได้หลายสิบคน แค่มองเห็นเส้นสายลวดลายไม้ไผ่และการตกแต่งไฟก็รู้สึกผ่อนคลายมากจริง ๆ
หลังจากอนุญาตให้ผิวได้ผุดเหงื่อตามรูขุมขนจนหนำใจ ก็ได้เวลารับวิตามินสดชื่นเข้าสู่ร่างกาย ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่น้ำผลไม้ปั่น คั้นสด หรือรถขายผลไม้ แต่เสิร์ฟมาเป็นชามสลัดผลไม้ชามใหญ่ในแบบ Fruity Bowls ซึ่งมีหลายร้านที่ต้องแวะไปลอง อย่างเช่น ที่ “La Lagunu Bali” ที่ตกแต่งร้านถูกใจสาวกโบฮีเมียนที่แวะมาชมทะเลชิมสลัดผลไม้ ที่ “Bali Bowls”
นอกจากจะมีสลัดผลไม้แล้วยังขึ้นชื่อว่ามีอาหารเช้าที่อร่อยถูกปากคนรักสุขภาพ “The Shady Shack” เป็นอีกแห่งที่คุณจะมีความสุขกับชามสลัดผลไม้ พร้อมทั้งผ่อนคลายได้ร่มปาล์มกับหนังสือเล่มโปรด ที่นี่ยังมีบริการอาหารเช้าแบบออร์กานิกอีกด้วย อีกแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารสุขภาพและมีคนนิยมไปเช็คอิน คือ “Cafe Organic” เรียกได้ว่าจัดสลัดผลไม้กันได้ทุกวันไม่ซ้ำร้านเลยทีเดียว
สำหรับอาหารเย็นที่เรามักให้เป็นเวลาของมื้อพิเศษ ที่ชางกูก็มีร้านอาหารให้เลือกหลากหลาย “Ji at Bale Sutra 1706” เป็นห้องอาหารของโรงแรม Hotel Tugu ที่เสิร์ฟอาหารบาหลีและอาหารญี่ปุ่นที่ปรุงอย่างพิถีพิถันสะท้อนรสนิยมของเจ้าของโรงแรมที่เป็นนักสะสมงานศิลปะ
ที่นี่ยังมี “Ji Terrace by The Sea” สำหรับรื่นรมย์ชมวิว กินดื่มยามเย็น อีกแห่งที่แนะนำสำหรับมื้อเย็นที่มองเห็นทะเลสวย คือ “UpZcale Rooftop Sky Dining & Bar” ที่โรงแรม Aston Canggu Beach Resort สำหรับดินเนอร์วิวสวยแบบหรู
และถ้าอยากดินเนอร์ในสไตล์บีชบาร์ แนะนำ “The Lawn” จิบดริ๊งค์หวาน ๆ รับตะวันตกดิน พร้อมกินอาหารมื้อกรุบกรุบ เหมือนไปงานปาร์ตี้ ก่อนจะต่อกันด้วยแอลกอฮอล์พอกรึ่ม ๆ ให้โยกคลอนศีรษะกับเสียงเพลงยามดึกขึ้นไปอีกนิดเคล้าลมทะเล ก็ชิลล์ไม่หยอกทีเดียว
ชางกูยังใกล้กับสถานที่สำคัญของบาหลี ที่ใคร ๆ ต้องมา โดยเฉพาะในเวลาพระอาทิตย์ตกดิน นั่นคือ Tanah Lot คือจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกทะเลที่แสนสวยงาม เป็นที่สถิตของวัดฮินดูที่มี 3 วิหารใหญ่ บนเกาะน้อย ๆ ที่ล้ำลงไปในทะเล ขึ้นไปเดินชมได้ในเวลาที่น้ำลด ต้องทำใจนิดหนึ่งว่าคุณจะได้พบกับคนหมู่มาก เพราะที่นี่คือจุดหมายยอดฮิตอีก 1 แห่งเมื่อเอ่ยคำว่า “บาหลี”
เช่าสกู๊ตเตอร์สักคันลัดเลาะชมนาข้าวเขียวขจี เพื่อเก็บบรรยากาศชางกูให้ครบทุกรสชาติ จะมีฮอลิเดย์ที่ไหนดีไปกว่านี้อีก ได้นั่งดูหนุ่ม ๆ เล่นเซิร์ฟบอร์ด ว่างก็แวะไปทำสปา หาเวลาเติมพลังด้วยโยคะ จัดวิตามินสลัดผลไม้ชามใหญ่ให้ตัวเอง กินอาหารวีแกนและออร์กานิก หรือจะสปอยล์ตัวเองเล็ก ๆ ด้วยแอลกอฮอล์บ้างก็ได้ เพราะโตแล้วแม่ไม่ว่า เที่ยวทั้งทีต้องดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ เสน่ห์บาหลียังมีอีกมากมายให้ค้นหา พบกันคราวหน้าจะพาเที่ยวเจาะให้ลึกซึ้งถึงดินแดนแห่งทวยเทพกัน
How to get there
- บินตรงจากสนามบินดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเด็นปาซาร์ ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยสายการบินแอร์เอเชีย หรือไทยไลออนแอร์
- บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเด็นปาซาร์ ใช้เวลาราว 4 ชั่วโมง 25 นาที โดยการบินไทย
Where to Stay
What to do
แหล่งช้อปปิ้ง
- Love Anchor เป็นเหมือนตลาดแบบเปิดท้ายขายของที่มีงานทำมือเก๋ ๆ และสินค้าวินเทจ
- Echo Quater เป็นตึกแถวใหม่ที่รวมร้านไลฟ์สไตล์ไว้ด้วยกัน
- Bungalow Living Homeware in Bali ร้านขายของแต่งบ้านสไตล์บาหลีที่มีเสน่ห์
การแลกเปลี่ยนเงินตรา
บาหลีใช้เงินรูเปี๊ยะ อัตรา 1 ดอลลาร์ ประมาณ 13,940 IDR
BHI Money Changer และร้านในเครือ Western Union เป็นจุดแลกเงินที่น่าเชื่อถือกว่าร้านเล็ก ๆ ก่อนกลับบ้าน ช็อปปิ้งเหรียญเล็กเหรียญน้อยให้หมด เพราะที่เมืองไทยรับแลกคืนแต่แบ็งค์หลักหมื่นขึ้นไป