หุบเขากษัตริย์เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ ใกล้กับเมืองลักซอร์ ที่นี่ใช้เป็นสถานที่ฝังศพของฟาโรห์และขุนนางผู้มีอำนาจในยุคอาณาจักรใหม่ (ประมาณศตวรรษที่ 16 ถึง 11 ก่อนคริสตศักราช หรือ ตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 18 ถึง 20 ของอียิปต์โบราณ) หุบเขานี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมาก เนื่องจากมีสุสานของผู้ปกครองอียิปต์โบราณจำนวนมาก ถึง 63 หลุมศพ ทั้งมีห้องต่างๆ ที่สลับซับซ้อนมากกว่า 120 ห้อง
หุบเขาแห่งนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาหลังจากการค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคามุน และยังถือเป็นหนึ่งในสถานที่โบราณคดีที่โด่งดังที่สุดในโลก ในปี ค.ศ. 1979 ถูกยกให้เป็นมรดกโลก ร่วมกับส่วนที่เหลือของธีบันเนโครโพลิส (เป็นสถานที่ฝังศพทั้งหมดของกษัตริย์ ราชินี ราชวงศ์ และขุนาง) การค้นพบ การขุดค้นหาวัตถุโบราณ และการอนุรักษ์ยังคงดำเนินการต่อไป และยังถือเป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ที่เปิดให้เข้าชม
ไฮไลท์ของ Valley of the Kings
คือสุสานที่ตกแต่งอย่างประณีตและสวยงามซึ่งสร้างขึ้นสำหรับฟาโรห์อย่างไม่ต้องสงสัย สุสานเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาให้เป็นที่ซ่อนและได้รับการปกป้องอย่างดี โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องพระศพและสมบัติของฟาโรห์สำหรับชีวิตหลังความตาย ในขณะที่หุบเขาแห่งนี้เคยมีการปล้นสะดมบ้างในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่สุสานหลายแห่งยังคงมีโบราณวัตถุที่น่าสนใจและภาพวาดฝาผนังอันงดงาม ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา พิธีกรรม และชีวิตประจำวันของชาวอียิปต์โบราณ
ในบรรดาสุสานที่มีชื่อเสียงที่สุดใน Valley of the Kings ได้แก่
Tomb of Tutankhamun
ค้นพบโดย Howard Carter ในปี 1922 สุสานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสุสานที่มีชื่อเสียงที่สุดในหุบเขา แม้จะมีขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับสุสานของราชวงศ์อื่นๆ แต่ภายในก็มีdkigdH[ltl,โบราณวัตถุมากมาย รวมถึงหน้ากากทองคำของตุตันคามุน ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของอียิปต์โบราณ
Tomb of Ramses II
เป็นหนึ่งในฟาโรห์ที่มีอำนาจมากที่สุดของอียิปต์ หลุมฝังศพของ Ramses II มีขนาดใหญ่และการตกแต่งที่ประณีต ผนังประดับด้วยภาพนูนต่ำที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับพิธีทางศาสนา การต่อสู้ และการบูชาเทพเจ้า
สุสาน Seti I
สุสานแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านความยิ่งใหญ่และการตกแต่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ภาพนูนต่ำนูนสูงสลับซับซ้อนและภาพวาดสีสันสดใสบรรยายฉากในตำนานและศาสนาต่างๆ พร้อมด้วยพิธีกรรมและการเดินทางของฟาโรห์สู่ชีวิตหลังความตาย
สุสานทุตโมสที่ 3
เป็นหนึ่งในฟาโรห์นักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอียิปต์ และหลุมฝังศพของเขาสะท้อนถึงความสำเร็จทางทหารของเขา หลุมฝังศพแสดงรายละเอียดของชัยชนะและชัยชนะในการสู้รบ
การสำรวจหุบเขากษัตริย์เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เจาะลึกประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณและชมงานฝีมือและทักษะทางศิลปะที่โดดเด่นในยุคนั้น แม้ว่าหลุมฝังศพบางแห่งจะไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตลอดเวลา แต่ก็มีบริการนำเที่ยวซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตของฟาโรห์และความเชื่อที่น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายในอียิปต์โบราณ เป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ผู้ชื่นชอบโบราณคดี และใครก็ตามที่หลงใหลในความมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
Where is the location:
ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ ใกล้กับเมืองลักซอร์
What to do:
ศึกษาเรื่องราว ประวัติของสุสานต่างๆ ก่อน เพราะอาจจะสามารถเลือกเข้าชมบางสุสานที่สนใจและมีความสำคัญได้
When to visit:
ฤดู ใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม อุณหภูมิ 15 ถึง 32 องศาเซลเซียส อากาศไม่ร้อนจนเกินไปเหมาะแก่การมาท่องเที่ยว
ฤดู ใบไม้ร่วง ช่วงเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน อุณหภูมิ 19 ถึง 34 องศาเซลเซียส จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวที่นี้ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงนี้
ฤดู หนาว ช่วงเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ อุณหภูมิ 8 ถึง 20 องศาเซลเซียส แต่ในทะเลทรายจะต่ำสุดได้ถึง 0 องศาเซลเซียส
Which dress to visit :
เสื้อผ้าเบาสบาย ระบายความร้อนได้ดี เสื้อแขนสั้นถึงแขนยาว กระโปรง-กางเกงถึงเข่า หรือยาวเลยเข่า อย่าลืมหมวกกันแดด และผ้าโพกศรีษะสำหรับผู้หญิงที่มีประโยชน์ในการกันแดดและฝุ่นได้ดี
Who to contact with:
หากมีเหตุด่วน หรือเหตุฉุกเฉิน ที่ต้องการคำปรึกษาในประเทศอียิปต์ ดูข้อมูลและติดต่อที่ https://cairo.thaiembassy.org/
How to visit there:
อาจซื้อทัวร์ครึ่งวันพร้อมรับประทานอาหารกลางวัน หรือทัวร์เต็มวันโดยไปสถานที่ใกล้เคียง เช่น สุสานแห่งราชินี และอื่นๆ จากโรงแรมที่พัก หรือจาก Application