หุบเขาทะเลทรายทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดนนามว่า ทะเลทรายวาดิรัม ผืนทะเลทรายสุดไพศาลกว่า 720 ตารางกิโลเมตร มีหินทรายและหินแกรนิตก้อนโตกระจายกลุ่มกันเป็นระยะ บ้างใหญ่ยักษ์มหึมาสูงตระหง่านจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,840 เมตร ท้าแดด ท้าลม ไม่ไหวติงราวกับถูกกาลเวลาแช่แข็งไว้ ไร้ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต มีเพียงชนเผ่าเบดูอินเร่ร่อนอาศัยในเต็นท์ขนแพะกับชาวบ้านไม่กี่พันคน และแม้ปรากฏภาพเขียนบนผนังหินรูปคน สัตว์ ขบวนคาราวานอูฐ ฝีมือชาวนาบีเทียน เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ที่วาดิรัมมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ แต่มรดกโลกขององค์การยูเนสโกอันลึกลับน่าพิศวงนี้ช่างโดดเดี่ยวและดูเดียวดายนัก
คุณอาจเคยเห็นทะเลทรายมาก่อน แต่ไม่มีที่ใดเทียบความงามอันโอฬารน่าเกรงขามของวาดิรัมได้ ชนิดที่ไม่เคยพบเคยเห็นบนโลกใบนี้มาก่อน อย่างที่ Matt Damon เคยกล่าวไว้ เมื่อครั้งมาถ่ายทำหนังเรื่อง The Martian ว่า
“I was in awe of that place, it was really, really special. One of the most spectacular and beautiful places I have ever seen, and like nothing I’ve ever seen anywhere else on Earth.”ผมอยู่ในความกลัวของสถานที่ที่มันเป็นจริงๆ ที่พิเศษจริงๆ หนึ่งในสถานที่ที่งดงามและสวยงามมากที่สุดที่ผมเคยเห็นและไม่ชอบอะไรที่ฉันเคยเห็นที่ใดบนโลก
ทะเลทรายวาดิรัมแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “หุบเขาแห่งพระจันทร์” (The Valley of the Moon) วาดิรัมมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ว่ากันว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล (นับถึงตอนนี้ก็ราว 1 หมื่นปี) แม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง หาสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ยากก็ตาม ในทะเลทรายวาดิรัมมีภาพเขียนฝาผนังของมนุษย์ยุคโบราณหลายแห่ง แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้น
วาดิรัมเคยเป็นที่การอาศัยของมนุษย์หลายชาติชน หลายอารยธรรม หลายวัฒนธรรมพวกนาบีเทียน ที่มีหลักฐานเป็นภาพบนหินในรูปแบบของพวกนาบีเทียน วิจิตรกรรมฝาผนัง และสถานที่ประกอบพิธีกรรม เผ่าเบดูอินก็เช่นเดียวกัน มีหลักฐานว่าพวกเราอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ
ทางทิศตะวันตกของวาดิรัมเป็นที่รู้จักกันดีในการติดต่อกับกองทัพแห่งสหราชอาณาจักร T.E Lawrence ในช่วงปฏิวัติอาหรับปี ค.ศ. 1917 – 1918 ต่อมาในปี 1980 หนึ่งในหินอันน่าประทับใจในวาดิรัมถูกตั้งชื่อว่า “เจ็ดเสาหลักแห่งปัญญา” ซึ่งคำนี้มาจากหนังสือลอเลนซ์ หนังสือซึ่งเป็นผลพ่วงของสงครามที่เกิดขึ้น แม้ว่า “เจ็ดเสาหลัก” ในหนังสือเล่มจริงไม่เชื่อมโยงกับหุบเขาวาดิรัมนี้เลยก็ตาม และหุบเขาแห่งนี้ได้รับการค้นพบและกล่าวขานในเรื่องการปีนเขาในปี 1987 โดยโทนี่ ฮอวอร์ดและเพื่อน เขียนหนังสือคู่มือขึ้นมาสองเล่ม แนะนำการเดินท่องธรรมชาติและปีนหุบเขาวาดิรัม
วาดิรัมเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากในจอร์แดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินท่องธรรมชาติและปีนเขา นอกจากนั้นยังมีการขี่อูฐ และเที่ยวซาฟารีด้วยม้า หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากจากเมืองเภตราหรือเมืองอควาบา
แต่ที่นี่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวท้องถิ่นหรือชาวอาหรับมาเที่ยวเลย หากในบริเวณใกล้เคียงอย่างดีซี(Disi)จะดึงดูดนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวจากอัมมานในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้มาก โดยเฉพาะกิจกรรมยอดนิยมกลางทะเลทรายอย่างการพักแรมใต้แสงดาว การขี่ม้าอาหรับท่องเที่ยวและปีนเขา
ปัจจุบันทะเลทรายวาดิรัมก็ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในประเทศจอร์แดน และทะเลทรายวาดิรัมก็อยู่ไม่ไกลจากเมืองอัคคาบา (Aqaba) เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดนโดยมีระยะห่างประมาณ 60 กิโลเมตร และใช้เวลาในการเดินทางมาทะเลทรายวาดีรัมเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น การได้ไปเที่ยวทะเลทราย มันก็เป็นการไปเปิดโลก รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คนต่างถิ่นที่คุ้นเคยกับภูมิภาคแถบเส้นศูนย์จะพบกับความแปลกใหม่ที่ตื่นใจตื่นตาไม่น้อยเลยทีเดียว |
How to go thereบินจากกรุงเทพไปยังกรุงอัมมาน บินตรงจากกรุงเทพและได้รับความนิยมที่สุด สายการบินรอยัลจอร์ดาเนียน (Royal Jordanian) สามารถขอ Visa on arrival ได้ที่สนามบิน Queen Alia International Airport กรุงอัมมาน และสนามบิน King Hussein International Airport กรุง Aquba เท่านั้น อยู่ไม่เกิน 1 เดือนจ่ายค่าธรรมเนียม 40 JOD, 3 เดือน 60 JOD, 6 เดือน 120 JOD ชำระด้วยเงินสดเท่านั้น **อัตราค่าธรรมเนียมอาจเปลี่ยนแปลงได้ |
Anywhere else…นอกจากท่องเที่ยวในหุบเขาพระจันทร์ ทะเลทรายวาดิรัม แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก ดังนี้ ปราสาทเดรัคแห่งคูเสด มหานครเพตาที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาโมซา และทะเลสาบเดตซี |
The best time to Travel…เดือนที่ดีที่สุดไป ประเทศจอร์แดน: มิถุนายน, กันยายน, ตุลาคม และพฤศจิกายน |